การก่อสร้างทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคาร หรือโครงสร้างสาธารณูปโภคล้วนต้องใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน เหล็กรูปพรรณ คือ ส่วนสำคัญในการก่อสร้างที่ผู้เกี่ยวข้องควรทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับความหมาย ประเภท ข้อดี ข้อจำกัด และตัวอย่างของเหล็กรูปพรรณที่นิยมใช้ในวงการก่อสร้าง เหล็กรูปพรรณ คืออะไร เหล็กรูปพรรณ คือ เหล็กที่ถูกแปรรูปให้มีลักษณะและรูปทรงต่างๆ ตามความต้องการใช้งาน ผ่านกระบวนการผลิตและแปรรูปที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม โดยเหล็กประเภทนี้ต้องผ่านการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ก่อนนำมาใช้งาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโครงสร้างที่สร้างขึ้นจะมีความแข็งแรงและปลอดภัย ประเภทของเหล็กรูปพรรณเหล็กรูปพรรณ คือ วัสดุที่มีหลากหลายประเภทตามกรรมวิธีการผลิต ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามลักษณะการผลิต ได้แก่ เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น เหล็กรูปพรรณรีดร้อน และเหล็กรูปพรรณเชื่อมประกอบ โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป 1. เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็นเหล็กประเภทนี้ผ่านกรรมวิธีการขึ้นรูปในอุณหภูมิปกติ โดยใช้เหล็กแผ่นรีดเย็นเป็นวัตถุดิบหลัก แล้วนำมาม้วน พับ หรืองอให้ได้ตามรูปทรงที่ต้องการ เหล็กรูปพรรณ คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีผิวเรียบ ไม่ขรุขระ เหมาะสำหรับงานตกแต่งทางสถาปัตยกรรม และโครงสร้างที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น เหล็กตัวซี เหล็กฉาก ท่อเหล็กกลม และท่อเหล็กสี่เหลี่ยม 2. เหล็กรูปพรรณรีดร้อนเหล็กรูปพรรณ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการรีดร้อนที่อุณหภูมิสูงถึงประมาณ 1,200 องศา ทำให้มีความแข็งแรงสูง สามารถรับน้ำหนักได้มาก นิยมใช้ในงานโครงสร้างหลักของอาคาร ตัวอย่างเช่น เหล็ก H-Beam, I-Beam, และ Channel เหล็กแผ่น คือวัตถุดิบตั้งต้นที่นำมาแปรรูปเป็นเหล็กรูปพรรณประเภทนี้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในงานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ 3. เหล็กรูปพรรณเชื่อมประกอบเกิดจากการนำแผ่นเหล็กที่มีความหนามากกว่า 3 มิลลิเมตรมาเชื่อมต่อกันเป็นรูปทรงต่างๆ ตามการใช้งาน เหล็กรูปพรรณ คือ ทางเลือกสำหรับงานโครงสร้างที่ต้องการขนาดและรูปแบบเฉพาะที่ไม่มีในท้องตลาด การผลิตต้องอาศัยความชำนาญของช่างเชื่อมเป็นพิเศษเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพ แข็งแรง และปลอดภัย ข้อดีของเหล็กรูปพรรณเหล็กรูปพรรณ คือ วัสดุก่อสร้างที่มีข้อดีมากมาย ดังนี้มีความแข็งแรงสูง ทนต่อแรงกดและแรงดึงได้ดี เหมาะกับโครงสร้างที่มีความสูงและยาวสามารถดัดแปลงเป็นรูปทรงต่างๆ ได้ตามต้องการ เพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบมีอายุการใช้งานยาวนานหากได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมติดตั้งง่าย สะดวกรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาในการก่อสร้างทนต่อแรงสั่นสะเทือนและแผ่นดินไหวได้ดีกว่าวัสดุอื่นสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ข้อจำกัดของเหล็กรูปพรรณแม้เหล็กรูปพรรณ คือ วัสดุที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรคำนึงถึงอาจเกิดการโก่งตัวในโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องรับน้ำหนักมากมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงเสื่อมสภาพเมื่อถูกไฟเผา ทำให้ค่ากำลังลดลง จำเป็นต้องมีการพ่นสารกันไฟซึ่งเพิ่มต้นทุนในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำมาก อาจทำให้เหล็กแตกหักได้ง่ายต้องการการป้องกันการเกิดสนิมตลอดอายุการใช้งาน ตัวอย่างของเหล็กรูปพรรณเหล็กรูปพรรณ คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างที่พบเห็นบ่อยในงานก่อสร้าง ได้แก่เหล็กเพลาขาว: ใช้ในงานอุตสาหกรรม งานเฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมยานยนต์เหล็กตัวซี: เหมาะสำหรับงานโครงหลังคาและเสาค้ำยันที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมากเหล็กฉาก: ใช้ในงานโครงสร้างต่อมุม ทำชั้นวางของ และโครงหลังคาตะแกรงเหล็ก: นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง และงานตกแต่งอาคารเหล็ก H-Beam: เหมาะสำหรับงานทำเสา คาน และโครงหลังคาอาคารขนาดกลางถึงใหญ่ สรุปบทความเหล็กรูปพรรณ คืออะไร เหล็กรูปพรรณ คือ วัสดุสำคัญในงานก่อสร้างที่มีความหลากหลายทั้งรูปทรงและการใช้งาน การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้าง นิปปอน สตีล (ประเทศไทย) ในฐานะบริษัทตัวแทนของ Nippon Steel Corporation ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น พร้อมให้บริการและคำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็กคุณภาพสูงทุกประเภท ด้วยประสบการณ์กว่า 60 ปีในประเทศไทย มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และเหมาะสมกับทุกโครงการของคุณ
สัญลักษณ์เหล็ก เรื่องสำคัญที่ควรรู้ การเลือกใช้เหล็กให้เหมาะสมกับงานก่อสร้างเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเหล็กแต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกัน หากเลือกใช้ผิดประเภทอาจส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้าง การเรียนรู้ สัญลักษณ์เหล็กจึงช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้เหล็กได้อย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ทำความรู้จักสัญลักษณ์เหล็กต่าง ๆ คืออะไร สัญลักษณ์เหล็ก เป็นเครื่องหมายที่ระบุบนผลิตภัณฑ์เหล็กเพื่อบ่งบอกประเภท คุณสมบัติ และกระบวนการผลิตที่ผ่านมา ซึ่งมีความสำคัญในการแยกแยะเหล็กแต่ละชนิดที่ผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน และมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะกับงานก่อสร้างประเภทต่าง ๆ ตามมาตรฐานเหล็กอุตสาหกรรม 1. เหล็กข้ออ้อย เหล็กข้ออ้อย เป็นเหล็กที่มีลักษณะเด่นคือมีครีบนูนรอบเส้น ทำให้ยึดเกาะกับคอนกรีตได้ดี ผ่านการรีดร้อนเพื่อให้ได้ความแข็งแรงตามต้องการ ที่น่าสนใจคือสัญลักษณ์เหล็กประเภทนี้อาจมีเครื่องหมาย "T" ซึ่งบ่งบอกถึงกระบวนการทำให้เย็นด้วยการฉีดสเปรย์น้ำ ทำให้ผิวแข็งแต่แกนกลางมีความเหนียว 2. เหล็กกล่อง เหล็กกล่อง มีลักษณะเป็นท่อสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่กลวงด้านใน มีมุมฉาก 90 องศา และมีผิวสัมผัสที่เรียบไม่หยาบ สัญลักษณ์เหล็กประเภทนี้จะบ่งบอกขนาดและความหนาซึ่งมีหลากหลายให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน การเข้าใจสัญลักษณ์จะช่วยให้เลือกใช้งานได้ถูกต้อง 3. เหล็กเส้นกลม เหล็กเส้นกลม หรือที่เรียกอีกชื่อว่าเหล็ก RB มีลักษณะเรียบเกลี้ยงและมีหน้าตัดเป็นวงกลม ใช้สำหรับงานโครงสร้างที่ต้องการการยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กกับคอนกรีต สัญลักษณ์เหล็กประเภทนี้มีความคล้ายคลึงกับเหล็กข้ออ้อย แต่มีความแตกต่างที่ต้องสังเกตเพื่อการใช้งานที่ถูกต้อง 4. เหล็กรีดซ้ำ เหล็กรีดซ้ำ เป็นเหล็กเส้นกลมอีกประเภทที่มีพื้นที่ภาคตัดขวางเป็นรูปวงกลม แต่พื้นผิวอาจไม่เรียบสนิทเท่าเหล็กเส้นกลมทั่วไป ผ่านกระบวนการรีดซ้ำทำให้มีความคงทนแข็งแรงและสามารถรับแรงได้ดี สัญลักษณ์เหล็กประเภทนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการของงาน 5. เหล็กกล้าตีเกลียว เหล็กกล้าตีเกลียว หรือลวดเหล็กกล้าตีเกลียว มีลักษณะเด่นคือมีพื้นที่ภาคตัดขวางเป็นรูปเกลียวทรงกลม เกิดจากการนำลวดเหล็กคาร์บอนสูงตั้งแต่ 2 เส้นขึ้นไปมาตีเกลียวเข้าด้วยกัน สัญลักษณ์เหล็กชนิดนี้สามารถสังเกตได้ง่ายจากลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นเกลียวประโยชน์ของสัญลักษณ์เหล็กต่าง ๆ การรู้จักสัญลักษณ์เหล็กมีประโยชน์หลายด้าน ได้แก่ - ช่วยให้เลือกใช้เหล็กได้ถูกประเภทตามวัตถุประสงค์การใช้งาน- ป้องกันความเสียหายต่อโครงสร้างจากการใช้เหล็กผิดประเภท เช่น การนำเหล็กข้ออ้อยที่มีสัญลักษณ์ "T" ไปใช้งานกลึง- ทำให้มั่นใจได้ว่าโครงสร้างที่สร้างจะมีความแข็งแรงตาม มาตรฐานเหล็กอุตสาหกรรม- ช่วยในการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างได้ตรงตามความต้องการใช้งาน- เพิ่มความปลอดภัยในงานก่อสร้าง ลดความเสี่ยงต่อความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตสรุปบทความสัญลักษณ์เหล็ก สัญลักษณ์เหล็ก เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างควรใส่ใจ เนื่องจากเหล็กแต่ละประเภทผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ด้วยประสบการณ์กว่า 60 ปีในอุตสาหกรรมเหล็ก นิปปอน สตีล (ประเทศไทย) พร้อมให้บริการผลิตภัณฑ์เหล็กคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล พร้อมให้คำปรึกษาด้านเทคนิคแก่ลูกค้าทั้งในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกโครงการ